ช็อปออนไลน์

วิธีทำขนมจีบกุ้งและหมูสวรรค์

ขนมจีบกุ้ง
  ส่วนผสมการทำกุ้งเด้ง
 1.กุ้งขาว      1/2  กก.
2.แป้งมัน      1     ช้อนโต๊ะ
3.โซดา        1     ช้อนโต๊ะ
 คลุกรวมกันและแช่เย็น 10 นาทีแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด

นำกระเทียม 2 กลีบ , รากผักชี 5 ราก และพริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา โขลกรวมกันให้ละเอียด
จากนั้นนำเนื้อกุ้ง 3 ขีด โขลกให้ละเอียด
ผสมเครื่องปรุง น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ,ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ,ผงปรุงรส 1 ช้อนชา ,
น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ  ผสมกับรากผักชีกระเทียมพริกไทยที่โขลกแล้วให้เข้ากัน
ใส่หมูเด้ง 3 ขีด ,กุ้งที่โขลกไว้และ เนื้อกุ้งหั่น  แป้งมัน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
นำไปแช่เย็น 2 ชั่วโมง

นำแผ่นเกี๊ยวตัดมุมออก นำเนื้อกุ้งที่ผสมแล้วใส่ในแผ่นเกี๊ยวกำมือหลวม ๆ หรือจะจับจีบตามชอบ
เสร็จแล้วพรมน้ำเรื่อยๆ กันแผ่นเกี๊ยวแห้ง  นำใบตองทาน้ำมันมารองบนซึ้งที่จะนึ่งขนมจีบ
เรียงขนมจีบลงไปและพรมน้ำให้ชุม ตั้งน้ำให้เดือดไฟกลาง นึ่งนาน 10 นาที ก็ใช้ได้


2.หมูสวรรค์

ส่วนผสมเครื่องปรุง
1.น้ำตาลมะพร้าว  150 กรัม
2.น้ำตาลทราย     150 กรม
3.ซีอิ๊วขาว              2  ช้อนโต๊ะ
4.ซอสปรุงรส          1  ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ                1/2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำเปล่านิดหน่อย
7.เนื้อหมูสะโพก       1  กก.  แช่ช่องฟรีชให้ผิวเริ่มเป็นน้ำแข็ง หั่นเป็นแผ่นตามยาว
8.กระเทียม 10 กลีบ รากผักชี 6 ราก พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนชา โขลกรวมกัน ผสมกับเครื่องปรุง
   ที่เตรียมไว้ แล้วน้ำหมูที่หันแล้วคลุกให้เข้ากัน หากใครชอบใส่เมล็ดผักชีก็ผสมด้วยก็ได้
9.ตากแดดครบ 2 ชั่วโมง ให้พลิกหมู ถ้าหมูใสและยังนิ่มอยู่ก็ใช้ได้
10.ทอดหมูไปกลางค่อนข้างอ่อน พอหมูสุกก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ก็ใช้ได้

5 วิธี แก้ปัญหาข้าวบูดเร็ว



วิธีแก้ปัญหาข้าวบูดเร็ว
ทุกวิธีให้ให้ทำความสะอาดหม้อหุงข้าวด้วยน้ำยาล้างจานกับน้ำสะอาด ตามวิธีปกติก่อน 1 ครั้ง

วิธี ที่ 1 นำหม้อข้าวที่ล้างสะอาด ใส่น้ำเปล่า 1/3 หรือ ¼ ของหม้อ แล้วเติมน้ำส้มสายชูลงไป 2 ช้อนโต๊ะ นำไปวางในหม้อเหมือนจะหุงข้าว กด Cook รอให้น้ำเดือดพล่าน แล้วนำหม้อออกมาล้างให้สะอาด นำไปหุงข้าวได้ทันที

วิธี ที่ 2 วิธีนี้ใช้เมื่อมีเวลามากๆ นำหม้อข้าวที่ล้างสะอาดไปคว่ำผึ่งแดดแรงๆ ไว้ 1 แดด (ตั้งแต่เช้าที่แดดเริ่มแรงจนบ่ายแดดตก) หลังจากนั้นนำหม้อข้าวมาล้างให้สะอาดอีกครั้ง หุงข้าวได้ ข้าวจะไม่บูดง่ายเช่นกัน

วิธีที่ 3 หุงข้าวพร้อมใส่น้ำส้มสายชูลงไป 1 ช้อนชา แล้วกดหุงตามปกติ ที่เคยทดลองหุงข้าว 2 ถ้วย รสชาติก็ไม่มีอะไรแปลกไป ไม่มีรสเปรี้ยว ข้าวจะอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ 4-5 วัน โดยที่ไม่มีกลิ่น ไม่แฉะ ไม่บูด

วิธีที่ 4 ใส่เกลือแกง หรือเกลือป่น ลงในหม้อทาเกลือให้ทั่วหม้อแล้วทิ้งไว้ประมาณ1-2 ชั่วโมง แล้วนำหม้อมาล้างให้สะอาด นำไปหุงข้าวเหมือนเดิม ครั้งต่อไป จะล้างหม้อใส่เกลือผสมกับน้ำล้างตามปกติ ประมาณ 2-3 ครั้ง หม้อที่บูดก็จะหายบูด

วิธีที่ 5 เติมน้ำเปล่าลงในหม้อหุงข้าวประมาณ 2 ถ้วยตวง และกดปุ่ม Cook เป็นระยะเวลานาน 15 นาที (สำหรับหม้อหุงข้าวขนาดครัวเรือน) จะสามารถช่วยทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ตกค้างอยู่ได้ และช่วยแก้ปัญหาข้าวบูดเสียง่ายกว่าปกติ

วิธีป้องกันข้าวบูดคาหม้อ
หาก หุงข้าวไว้กินไม่หมด ให้ตักข้าวใส่กล่องเก็บไว้ในตู้เย็น ล้างหม้อข้าวให้สะอาดจะได้ไม่รอให้ข้าวบูดคาหม้อ จะกินข้าวอีกครั้งก็แบ่งมาอุ่นกิน วิธีนี้ก็ดีนะคะ สะดวกวิธีไหนก็ทำตามนั้นเลยนะคะ



เครดิต ข้อมูลจาก   http://www.share-si.com

เคล็ดลับในการล็อคกุญแจและสะเดาะกุญแจ

เพื่อเป็นแนวทางในการระมัดระวังตัวหากอยู่ตามลำพังไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือหอพักแม้กระทั้งในโรงแรมที่่คิดว่าน่าจะปลอดภัย แต่ก็วางใจไม่ได้ คลิปที่่นำมาฝากก็มีสาระมากพอสำหรับคนที่่ยังไม่เคยรู้มาก่อน



  







วิธีการเอาตัวรอดจากคนร้าย

รู้ไว้ไม่เสียหาย




ตำรวจชาวออสเตรเลียได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นเพื่อผู้หญิงทุกคน
1. เคล็ดลับจากวิชาเทควันโด้
ข้อศอกเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของมนุษย์ หากคุณอยู่ใกล้คนร้ายในระยะที่จะใช้มันได้ จงใช้มันซะ!
2.เคล็ดลับจากสมุดแนะนำนักท่องเที่ยว ถ้าคนร้ายต้องการกระเป๋าเงินหรือของมีค่าของคุณ อย่ายื่นให้กับเขา
จงโยนกระเป๋าเงินของคุณไปให้ไกลจากตัวเอง..
โอกาสที่คนร้ายจะสนใจกระเป๋าเงินของคุณนั้นมีมากกว่าที่จะสนใจคุณ และนั่นจะทำให้เขาต้องไปหยิบกระเป๋าเงินที่อยู่ห่างจากตัวคุณ ตอนนี้แหละ จงวิ่งไปอีกทิศทางหนึ่งให้เร็วที่สุด
3. ถ้าคุณเกิดถูกลากหรือโยนเข้าไปในท้ายรถของคนร้าย สิ่งที่คุณควรทำคือ
ให้ถีบไฟท้ายจนหลุดออกมา ยื่นแขนของคุณออกมาจากช่อง แล้วเริ่มโบกมืออย่างบ้าคลั่ง คนขับไม่เห็นสิ่งที่คุณทำ แต่คนอื่นจะเห็น
วิธีนี้ได้ช่วยหลายต่อหลายชีวิตมาแล้ว..
4. คุณผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนั่งอยู่บนรถเฉยๆ หลังจากช้อปปิ้ง เที่ยว กิน หรือ ทำงานเพื่อจะแต่งหน้า เปิดผ่านหนังสือ เช็คโทรศัพท์ ฯลฯ ห้ามทำเป็นอันขาด! คนร้ายจะคอยเฝ้าดูพฤติกรรมของคุณ และสิ่งที่คุณทำเป็น
การเปิดโอกาสอันเหมาะสมเพื่อให้เขาเข้ามาทางที่นั่งข้างคนขับ และเอาปืนจ่อหัวคุณเพื่อจะให้คุณขับไปตามทางที่เขาต้องการ
เพราะฉะนั้น....ทันทีที่คุณขึ้นรถจงล็อคประตู และรีบออกรถซะ !
แต่ถ้าเกิด.... คนร้ายอยู่บนรถกับคุณ และเอาปืนจ่อขมับคุณไว้ อย่าขับรถออกไปตามที่เขาบอก
ย้ำ: อย่าขับรถออกไปตามที่เขาบอก สิ่งที่คุณควรทำ คือ
เหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุด ขับพุ่งใส่กำแพงหรือสิ่งกีดขวางในละแวกนั้น
ถุงลมนิรภัยฝั่งคุณจะช่วยชีวิตคุณไว้ (เช่นเดียวกับฝั่งคนร้ายหากคนร้ายนั่งเบาะหน้า) (หากคนร้ายนั่งอยู่เบาะหลัง เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส)
แต่ทันใดที่รถของคุณชน ให้รีบถอนตัวออกมา(จากถุงลมนิรภัย)
แล้ววิ่งออกจากรถสุดแรงเกิด วิธีนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตรงที่คุณสามารถวิ่งเข้าหากลุ่มคนเพื่อขอความ ช่วยเหลือได้ หากคุณออกรถไปที่ไกลๆ ตามเส้นทาง/สถานที่ที่คนร้ายบอกจะทำให้คนร้ายตามตัวคุณได้ง่าย
เพราะคุณไม่รู้จักสถานที่นั้นดีเท่าเขา
5. ข้อแนะนำสำหรับการเดินไปที่รถของคุณ ในลาน/โรงจอดรถ
5.1จงระวัง: มองไปรอบๆ ตัวของคุณ มองเข้าไปในรถของคุณ มองลอดไปบนพื้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับ และเบาะหลัง
5.2 ถ้ารถของคุณมีรถตู้จอดอยู่ข้างๆ ให้ขึ้นรถทางฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ คนร้ายจะจู่โจมเหยื่อของมันโดยการฉุด ขึ้นรถตู้ในขณะที่เหยื่อกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ เพราะฉะนั้นรถตู้น่าสงสัยเหล่านี้จึงมักที่จะจอดอยู่ฝั่งคนขับ
5.3 ให้มองไปที่รถที่จอดอยู่ข้างๆ คุณทั้งสองข้างของรถ ถ้าเจอผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวในฝั่งที่อยู่ใกล้รถของคุณมากที่สุด
สิ่งที่คุณควรทำคือ เดินกลับเข้าไปในห้าง หรือออฟฟิสเพื่อขอให้ รปภ หรือตำรวจเดินมากับคุณ เพื่อส่งคุณขึ้นรถ ไม่ต้องไปคิดมากกว่าคนอื่นหรือตำรวจจะมองคุณโรคจิตหรือเปล่า เพราะการระมัดระวังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์อันน่าสงสัยนั้น
จงตระหนักอยู่เสมอว่า ปลอดภัยไว้ก่อน...
6. จงใช้ลิฟต์ตลอดแทนที่จะใช้บันใด เพราะบันใดเป็นสถานที่ที่แย่ที่สุดที่ผู้หญิงจะอยู่คนเดียว มันเป็นที่ๆ เพอร์เฟคสำหรับคนร้าย และน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งในยามวิกาล
7. ถ้าคนร้ายมีปืนแต่คุณไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
จงวิ่ง!! เพราะโอกาสที่คนร้ายจะยิงถูกคุณมีเพียง 4 ครั้งใน 100 ครั้งเท่านั้น (เป้าวิ่ง) และเป็นไปได้สูง ว่าจะไม่โดนอวัยวะสำคัญ วิ่งงงงงงง!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...การวิ่งซิกแซก
8. จุดอ่อนของผู้หญิงส่วนใหญ่คือ ขี้สงสาร ขี้เห็นใจ จงหยุดซะ!!
เท็ด บันดี้ เป็นฆาตรกรหน้าตาดี และการศึกษาสูง เขาใช้จุดอ่อนข้อนี้ของผู้หญิงเพื่อลวงมาฆ่าเสมอ เพราะฉะนั้นจงมีเหตุมีผล ดูสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง .... "จงช่างสังเกต" หากพบข้อสงสัยแม้เพียงข้อเดียว ก็ควรจะลีกเลี่ยงบุคคลนั้นๆ ให้เร็วที่สุด
9. เรื่องที่ควรตระหนักอีกข้อ:
เพื่อนสาวของได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กตอนกลางคืน
และเธอก็คาดว่าเสียงนั่นดังมาจากระเบียงบ้านของเธอ เธอเลือกที่จะโทรแจ้งตำรวจแทนที่จะออกไปดูด้วยตัวเอง
นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีลางสังหรณ์ว่านั่นอาจจะเป็นกลลวง และตำรวจก็สั่งกับเธอว่า
........“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด”....
เธอจึงเล่าให้ตำรวจฟังอีกว่าเสียงนั่นฟังดูเหมือนว่าเด็กนี่ได้คลานมาใกล้ หน้าต่างของและเธอก็เป็นกังวลว่าถ้าหากเด็กคนนี้คลานออกไปถึงถนนก็จะถูกรถชน
ตำรวจจึงสั่งเธอว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างทางไปบ้านเธอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น ตำรวจย้ำถึงสามรอบ
ตำรวจเล่าให้เธอฟังต่อว่าพวกเขาคิดว่า...
น่าจะเป็นฆาตรกรที่ใช้วิธีเปิดเทปเสียงเด็กร้องไห้เพื่อจะหลอกหล่อให้ ผู้หญิงออกจากบ้านมาดู โดยที่ฆาตรกรหวังใช้จุดอ่อนของผู้หญิงคือ ความขี้เห็นใจ ขี้สงสาร นั่นเอง แต่ทางตำรวจก็ยังจับตัวฆาตรกรกลุ่มนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็มีการโทรมาแจ้งและได้เล่าเรื่องเดียวกัน คือได้ยินเสียงเด็กมาจากนอกบ้าน หน้าต่าง หน้าประตู เวลากลางคืน และทุกสายที่โทรมาแจ้งล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียวทั้งสิ้น
10. ถ้าคุณตื่นขึ้นมากลางดึกและได้ยินเสียงเหมือนว่าก๊อกน้ำถูกเปิดอยู่หรือท่อ น้ำของคุณแตกนอกบ้าน .....ห้ามออกไปเดินสำรวจเด็ดขาด!..... เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งจะเข้าไปเปิดก๊อกน้ำบ้านคุณให้สุดเพื่อให้คุณได้ยินและ ออกมานอกบ้าน นั่นคือเวลาที่พวกเขาจะโจมตีคุณ
ข้อความนี้สำหรับตัวของคุณเองและเพื่อให้คุณได้แบ่งปันให้กับภรรยา ลูก หรือทุกๆ คนที่คุณรู้จักหลังจากที่คุณได้อ่านคำแนะนำที่สำคัญเหล่านี้ ..
คุณอาจต้องการที่จะเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับรู้ โปรดส่งต่อให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วง
การระมัดระวังล่วงหน้าไม่ต้องแลกกับความสูญเสีย เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ดีที่สุด
เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี2ทางเลือก
1. ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
2ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย
การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถช่วยชีวิตคนมากมาย
ขอให้ท่านกระจายความรักของท่านจะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น ขอบคุณการสนับสนุนของท่าน ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่ 1 แล้ว



เครดิตภาพ ข้อมูล จากอินเตอร์เน็ต

สายพันธุ์แมวที่อยากเลี้ยง

  

แมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold)

น่ารักไม่เบา เจ้ามารุนี่่่เอง




                แมว สก็อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold) เป็นแมวขนาดกลาง ศีรษะกลม มีทั้งหูพับและหูตั้ง มีทั้งขนสั้นและขนยาว เพศผู้จะลักษณะของหัวะกลม และโตกว่าหัวของตัวเมีย มีลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ มีช่องกว้าง และแสดงออกถึงความสดใส ความหวาน หูพับขนาดเล็กที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง 2-3 อาทิตย์แรก มีคางที่กลมมน จมูกสั้นโค้ง กว้าง เพื่อรับกับดวงตา บางครั้งปากจะโค้งรับกับคางที่โค้งทำให้ได้ฉายาว่า smiling cat หรือ แมวยิ้ม

แต่หรับเจ้ามารุ แมวที่่ดังในโลกโซเชียล หรือที่่เรียกว่าแมวกล่อง ก็น่ารักไม่น้อย นิสัยซุกซน ขี้เล่น เห็นกล่องเป็นไม่ได้ ไม่ว่าจะกล่องเล็กหรือใหญ่ มันก็พยายามเอาตัวเข้าไปอยู่จนได้


ความน่ารักของมารุมีมากมาย มีคลิปน่ารัก ๆ มาฝาก

ทะเลที่น่าไปเที่ยว

            หาดตายาย  เกาะล้าน ชลบุรี  เป็นหาดทรายสวยขนาดเล็ก เงียบสงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัว จุดเด่นของที่นี่คือทะเลสีสวยน้ำใส มีหาดทรายสีขาวสะอาดทอดยาวประมาณ 100 เมตร เหมาะแก่การพักผ่อนนอนเล่นอาบแสงแดดอุ่น ๆ พร้อมกับฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่ง และในช่วงหน้าหนาวปลายปีต้นไม้บริเวณรอบ ๆ จะเปลี่ยนเป็นสีส้มสวยงดงามยิ่งนัก 

             เกาะขาม อำเภอสัตหีบ ชลบุรี เป็น เกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายใต้การดูแลของกองเรือป้องกันฝั่ง กองทัพเรือ บนเกาะขามมีหาดใหญ่ ๆ ให้เที่ยว 2 หาด ได้แก่ หาดด้านทิศเหนือและหาดด้านทิศใต้ ซึ่งหาดด้านทิศเหนือจะมีทรายที่ค่อนข้างละเอียด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เดินชิลในบรรยากาศเย็น ๆ สุดโรแมนติก อีกทั้งยังสามารถเล่นกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ได้ด้วย ส่วนด้านทิศใต้จะมีหาดทรายที่หยาบ มีหินกรวดมนสีต่าง ๆ โขดหิน และซากปะการังทับถม ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ เหมาะสำหรับมาเดินเล่นทอดน่อง นั่งปล่อยอารมณ์มากกว่า นอกจากนี้เกาะขามยังเป็นแหล่งของแนวปะการังอันสมบูรณ์ โดยเฉพาะด้านทิศเหนือของตัวเกาะจะเป็นบริเวณที่มีปะการังที่สวยงามมาก เหมาะแก่การดำน้ำทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถชมฝูงปลาน้อยใหญ่หลากหลายสีสัน และสัตว์ทะเลอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ทั้งนี้เกาะขามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไม่เปิดให้พักแรม สามารถมาเที่ยวแบบไป-กลับได้เท่านั้น
         
                 หาดคลองพร้าว เกาะช้าง จ.ตราด   ตั้ง อยู่ถัดจากหาดทรายขาว ห่างจากท่าเรืออ่าวสับปะรดประมาณ 12 กิโลเมตร มีบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ หาดทรายสวย และมีจุดเด่นตรงที่ความร่มรื่นของทิวมะพร้าว น้ำทะเลใส สามารถทำกิจกรรมกีฬาชายหาดหรือกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ได้ และที่สำคัญยังชื่อในเรื่องความงามของพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีก ด้วย ทั้งนี้แนะนำให้มาเที่ยวเกาะช้างในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน เพราะคลื่นลมจะสงบ บรรยากาศดี เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง


              อ่าวคลองเจ้า  เกาะกูด จ.ตราด   เป็น หาดทรายสีขาวนวลทอดตัวยาวกว่า 600 เมตร แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นหาดทรายที่มีความละเอียดที่สุดบนเกาะกูดอีกด้วย โดยรอบร่มรื่นไปด้วยทิวสน เงียบสงบ อากาศดี สามารถเดินชิล ๆ ให้ลมทะเลปะทะหน้าได้อย่างมีความสุข น้ำทะเลไม่ลึกมากสามารถลงเล่นน้ำได้ อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ในส่วนด้านหลังของหาดคลองเจ้ายังมีป่าชายเลนสีเขียวขจีให้ชมตลอด สองฝั่งคลอง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างนิยมเดินทางมาพายเรือคายักเก็บบรรยากาศ พร้อมกันนั้นยังสามารถชมหิ่งห้อยนับพันตัวที่ส่องแสงระยิบระยับตลอดข้างทาง นับเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะโรแมนติกจนคุณอยากจะหยุดหัวใจให้อยู่ที่นี่ไปนาน ๆ เลยทีเดียวล่ะ
              
              ทะเลแหวก-เกาะม้า เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี   เป็นหาดเล็ก ๆ ที่มีความเงียบสงบ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะพะงัน โดยมีทางเดินยาวกว่า 350 เมตร เชื่อมจากแม่หาดของเกาะพะงันไปยังเกาะม้า ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงที่ระดับน้ำลดต่ำลง จะสามารถมองเห็นสันทรายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถเดินไปมาถึงกันได้ นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่นชมวิว เก็บบรรยากาศรอบ ๆ ได้ ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้ทะเลแหวกที่อื่นเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความสวยงาม ตลอดจนฝูงปลาน้อยใหญ่ที่ต่างแหวกว่ายอวดโฉมกันไปมาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่น ชมอีกด้วย 

               อ่าวเขาควาย เกาะพยาม จ.ระนอง   ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะพยาม ลักษณะของอ่าวมีความโค้งงุ้มเข้าเหมือนกับเขาควาย 2 ข้าง มีโขดหินอยู่ตรงกลาง โดยหาดมีความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร และมีจุดเด่นตรงที่มีหาดทรายสีขาว เนื้อทรายละเอียดมากจนขึ้นชื่อว่าเป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดในเกาะพยามเลยที เดียว น้ำทะเลที่นี่มีความใสสะอาด นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ ขอแนะนำว่าควรเล่นน้ำเวลาน้ำขึ้นจะสะดวกกว่า และในยามน้ำลงจะสามารถมองเห็นชายหาดที่ทอดยาวออกไปไกลเป็นภาพที่สวยงดงาม ยิ่งนัก นอกจากนี้อ่าวเขาควายยังมีป่าโกงกางที่อุดมสมบรูณ์ ตลอดจนเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย


               เกาะเฮ หรือ คอรัลไอแลนด์ (Coral Island)  จ.ภูเก็ต  เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตประมาณ 10 กิโลเมตร ถือเป็นเกาะสวรรค์สุดฮิตอีกแห่งหนึ่งเนื่องจากสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ สะดวก อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ มีผืนทรายอันนุ่มเนียนละเอียด ผสานกับท้องทะเลสีฟ้าครามงดงามตา โดดเด่นด้วยปะการังน้ำตื้นหลากหลายสีสันที่ยังคงความสมบูรณ์ พร้อมกับสัมผัสกับฝูงปลาน้อยใหญ่มากมาย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นไข่มุกแห่งอันดามันได้ดีที่สุด ทั้งนี้นักท่องเที่ยวท่านไหนที่อยากสัมผัสกับโลกใต้ทะเลแบบใกล้ชิดแนะนำให้ ดำน้ำแบบสนอร์เกิล หรือจะเลือกสนุกสนานไปกับกิจกรรมอื่น ๆ บนเกาะได้ตามใจชอบ

                
                    เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต   ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต เป็นเกาะส่วนตัวเล็ก ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับท่อนไม้ พร้อมกับมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การจูงมือคนรักหรือครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก แถมยังได้รับสมญานามว่าเป็น "มัลดีฟส์เมืองไทย" เพราะมีหาดทรายสีขาวทอดยาว เคียงคู่ไปกับน้ำทะเลสีฟ้าสวยใสราวกับกระจก จนสามารถมองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายได้อย่างชัดเจน และหากวันไหนโชคดีก็จะได้พบกับโลมาผิวมันเงาโผล่ขึ้นมาเล่นเกรียวคลื่นอีก ด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีสภาพป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนมีปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก เรียกได้ว่าหนาวนี้ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศสไตล์ เมืองนอกได้แล้ว 


รูปทะเลสวย ๆ 












เครดิตรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต


สูตรน้ำผักผลไม้เพื่่อสุขภาพ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ภาพผลไม้

สูตรล้างพิษ

-แครอท + แอปเปิลเขียว
1 แครอท   4 หัว
2.แอปเปิ้ล 2 ลูก

-แอปเปิ่ลเขียว + สับปะรด + มะนาว
 1 สับปะรด  5 ชิ้น
 2.แอปเปิ้ลเขียว 1/2 ลูก
 3.มะนาว    1/2 ลูก
 4 น้ำผึ้ง      2 ช้อนโต๊ะ
 5 เกลือนิดหน่อย
 6 ใส่น้ำแข็งนิดหน่อยปั่นให้เข้ากัน
  







รวมสูตรอาหารสร้างอาชีพเมนูอร่อย



















ก๊วยเตี๋ยวลุยสวน ทำเป็นรายได้เสริม งานเสริม งานพิเศษช่วงเย็นๆหลังเลิกงาน
น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตรสีเขียว
กระเทียม 60 กรัม
รากผักชี 10 กรัม
พริกขี้หนูสวนสีเขียว 10 กรัม
ใบสะระแหน่ ใบโหระพา 5 กรัม
น้ำส้มสายชู 120 กรัม
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่น 20 กรัม
วิธีทำ
ปั่นรากผักชี กระเทียม พริกขี้หนู ใบสะระแหน่และใบโหระพาให้ละเอียด
ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทรายและเกลือป่นในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ คนจนน้ำตาลทราย เกลือ ละลายเข้ากัน ยกขึ้นทิ้งไว้ให้อุ่น ใส่ส่วนผสมในข้อ 1 คนให้เข้ากัน
นำไปแช่เย็นจะเพิ่มรสชาดความอร่อยได้ค่ะ

น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตรสีแดง
พริกชี้ฟ้าแดง 40 กรัม
กระเทียม 20 กรัม
น้ำส้มสายชู 180 กรัม
น้ำตาลทราย 135 กรัม
เกลือป่น 10 กรัม
แป้งมันสำปะหลัง 10 กรัม
แครอทขูดเป็นเส้นบาง 10 กรัม
วิธีทำ
นำพริกชี้ฟ้าแดงแกะเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปั่นกับกระเทียมให้ละเอียด
ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือป่นและแป้งมันละลายกับน้ำเปล่าเข้าด้วยกันในหม้อยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ จนมีลักษณะเป็นยางมะตูม ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น ใส่ส่วนผสมที่ปั่นและแครอทขูดเป็นเส้นบาง ๆ คนให้เข้ากัน

สูตรและวิธีการทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

วัตถุดิบ
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 1 กก.
หมูบดสำหรับทำไส้ 500 กรัม
เห็ดหอม เห็ดหูหนู หั่นชิ้นเล็กๆอย่างละ 300 กรัม
เต้าหู้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 200 กรัม
ถั่วงอกเด็ดเอารากออก ลวกพอสุก 500 กรัม
ต้นหอมหั่นฝอย ผักชีเด็ดเป็นใบ โหระพาเด็ดเป็นใบ ใบสะระแหน่เด็ดเป็นใบอย่างละ 50 กรัม
แครอทหั่นหรือขูดเป็นเส้นยาวๆ ประมาณ 1 หัว
ผักกาดหอม 500 กรัม
กระเทียม 50 กรัม
ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส พริกไทยป่น น้ำตาล ใส่ตามต้องการ
วิธีทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม ใส่หมูบด เห็ดหอม เห็ดหูหนูผัดให้เข้ากันปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส พริกไทยป่น น้ำตาลชิมรสให้ออกรสเค็มเล็กน้อย จากนั้นตักขึ้นใส่ภาชนะพักไว้ให้เย็น
2.นึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวพอร้อน จากนั้นพักไว้ให้เย็น
3.วางเส้นใหญ่ลงบนเขียงแล้วนำผักกาดหอม ถั่วงอก ใบโหระพา สะระแหน่ แครอทและส่วนผสมที่ผัดไว้วางบนแผ่นก๋วยเตี๋ยวม้วนห่อให้แน่น เวลารับประทานหั่นพอคำทานคู่กับน้ำจิ้ม
หมายเหตุ : ท่านสามารถเปลี่ยนไส้ได้ตามใจชอบนะคะ เช่น ไส้หมูยอ ปลาทู เต้าหู้ ไส้กรอก แฮม ไก่ต้ม ทูน่า เป็นต้น

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
www.datacatalog.org
www.bloggang.com
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต


 
รวมมิตรสูตร หมัก "บาร์บีคิว" หมู-ไก่ สร้างอาชีพ
สูตรที่ 1 ::

ส่วนผสม

หมูสันใน 250 กรัม
เนื้อไก่ 250 กรัม
สับปะรด 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 ถ้วย
มะเขือเทศสีดา 10 ลูก
พริกหยวก 1 ถ้วย
พริกหวาน 1 ถ้วย
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
เนยสด 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุงส่วนผสมซอสบาร์บีคิว

ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ

วิธีทำ

นำหมูและไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วพักไว้
นำซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย มัสตาร์ด กระเทียมสับมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วพักไว้
นำเนื้อหมู และเนื้อไก่ที่เตรียมไว้มาหมักเข้ากับพริกไทยป่น น้ำตาลทราย เกลือ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว หมักทิ้งไว้ 30นาที หรือ1 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อได้ดี
นำเนื้อหมูและไก่ที่หมักเสร็จแล้วมาเสียบไม้สลับกับสับปะรด พริกหยวก พริกหวาน มะเขือเทศ จากนั้นนำมาย่างโดยใช้ไฟปานกลาง
ทาเนยลงบนบาร์บีคิวให้ทั่วขณะย่าง จากนั้นทาซอสที่เตรียมไว้มาทาทับให้ทั่วอีกครั้ง ย่างจนเนื้อหมูและไก่สุก
จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

ที่มา th.openrice.com

: สูตรที่ 2 ::

ส่วนผสม

ซอสมะเขือเทศ 10 ช้อนโต๊ะ
ซอสพริก 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ปลายๆ ช้อนชา
พริกป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

คนส่วนผสมให้เข้ากัน
จะย่างอะไรก็เสียบไม้ไว้ สลับเนื้อสัตว์ - สัปปะรส - มะเขือเทศ - พริกหวาน ตามชอบเลย
แล้วก็ย่างเดิมๆไปก่อนยังไม่ต้องทา ให้มันพอเกือบสุก ก็เอาแปรงจุ่มซอส แล้วก็ ทาๆๆ
ย่างต่อให้มันแห้งอีกนิด เป็นอันเสร็จ

ที่มา : คุณ "Resonate" สมาชิกพันทิป

:: สูตรที่ 3 ::

ส่วนผสม

เนื้อ 1 กก
น้ำมันหอย 4 ช้อน
น้ำมันพืช 2 ช้อน
ซีอิ้วขาว 1 ช้อน
แม็กกี้ 1 ช้อน
น้ำตาล 1 ช้อนชา
พริกไทยป่นหรือเม็ด(ตำละอียดพอประมาณ) ตามความชอบ
ผงชูรสใส่ตามชอบ (ไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมขาดไม่ได้)

วิธีทำ

หมักให้เข้ากัน ทิ้งไว้ซัก 10 นาที (แต่ถ้าชอบเค็มๆก็นานกว่านี้ได้ 555 )
อันนี้เป็นสูตรส่วนตัว ที่ใช้กินเวลาแกล้มเบียร์
แต่ถ้าแบบง่ายๆก็แนะนำ ทาคูมิ อายิซอส ขวดสีแดงครับ แก้ขัดได้

ที่มา : คุณ "นัทนะจ๊ะ" สมาชิกพันทิป

เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต


  
วิธีทำ "ไข่กระทะ" วิธีทำง่ายๆ แม่บ้านมือใหม่ห้ามพลาด!!
ส่วนผสมสำหรับไข่กระทะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
หมูสับรวน
กุนเชียง
หมูยอ ไส้กรอก แฮม (แล้วแต่จะหาได้)
ต้นหอม
เนยสด (จืด) 1/2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย
พริกไทยป่น

วิธีทำไข่กระทะ

1.หั่นกุนเชียงเป็นท่อนสั้น ๆ 3-4 นิ้ว ต้มน้ำหนึ่งหม้อ ปริมาณแค่พอท่วมกุนเชียง

2. พอน้ำเดือดแล้วให้นำกุนเชียงไปต้มให้สุก

3. เทน้ำที่ต้มกุนเชียงทิ้ง ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอดกุนเชียง

4. พอน้ำมันอุ่นไปทางร้อน ให้นำกุนเชียงที่ต้มไว้ลงไปทอดให้เหลืองและหอม พักไว้ให้อุ่น

5. จากนั้นหั่นกุนเชียง ไส้กรอก แฮม หมูยอเป็นชิ้นตามต้องการ แล้วแต่ลีลาชอบแบบไหนที่ทำแล้วดูน่ากิน

6. ตัดโคนตัดปลายต้นหอมทิ้ง ล้างน้ำ ซอยบาง

7. นำเนยสดใส่กระทะใบเล็ก ๆ สำหรับทำไข่กระทะ

8. นำกระทะขึ้นตั้งไฟอ่อน ให้เนยละลายให้หมด

9. ใช้ช้อนละเลงเนยให้ทั่วกระทะ เพื่อป้องกันไข่ติดกระทะ หรือใช้วิธีสวมถุงมือแล้วเอียงเนยให้ทั่วกระทะก็ได้ค่ะ หากว่าน้ำมันเนยมากไปให้เทออกได้

10. พอเนยร้อนแล้วให้ตอกไข่ใส่ลงไป สำหรับ 1 ที่ ใช้ 2 ฟองจะพอดีกระทะค่ะ เร่งไฟขึ้นเล็กน้อย

11. ปิดกระทะด้วยฝาหม้อสักพักพอให้ไข่สุก แล้วแต่ชอบสุกมากและน้อยขนาดไหน กะว่าให้ไข่สุกไป 1/2 ทางในแบบที่ชอบ

12.ตักหมูสับรวน กุนเชียง แฮม ไส้กรอก หมูยอ ที่เตรียมไว้ใส่ ใช้ช้อนกดให้จมลงไปในไข่เล็กน้อย

13.ปิดฝาอีกครั้ง แง้มฝาดูเป็นพัก ๆ ให้ได้ไข่สุกแบบที่ชอบ จากนั้นปิดเตา

14.หากมีน้ำมันเนยอยู่ในกระทะมากไปให้รินใส่ถ้วยไว้

15.โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พริกไทยป่น

16.เสิร์ฟพร้อมกับซอสพริก

ที่มาสูตร http://www.kinaroi.com/news3730.html
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


  
สูตรการทำโจ๊กเหมาะสำหรับทำขาย !!!!สูตรการต้มโจ๊กให้เหนียวข้นไม่คืนตัว โจ๊กข้าวเหนียวอร่อยไม่คืนตัวไม่ละลายเป็นน้ำเมื้อโจ๊กเย็น
ส่วนผสม-ข้าวโจ๊ก
-หม้อสำหรับต้มข้าว เบอร์ 42
-ข้าวหอมมะลิท่อน จำนวน 2 กก.
-ข้าวกล้อง จำนวน ครึ่ง กก.
-ข้าวเหนียว จำนวน 2-3 ขีด ( 200-300 กรัม )
-น้ำเปล่า ปริมาณ 1/2 หม้อ
ขั้นตอนและการวิธีการดังนี้ :
1.ทำการล้างข้าวหอมมะลิท่อน ข้าวกล้อง และข้าวเหนียว เพื่อทำความสะอาด
2.นำน้ำใส่หม้อเบอร์ 42 ตั้งไฟ แล้วใส่ข้าวหอมมะลิท่อน ข้าวกล้อง ลงไปในหม้อ
3.จากนั้นทำการใส่ข้าวเหนียวตามอัตราส่วนที่เตรียมไว้ใส่ตามลงไป
***การใส่ข้าวเหนียว เวลาที่เราต้มข้าวเพื่อทำโจ๊ก เทคนิคนี้จะช่วยให้โจ๊กเหนียวข้น ไม่คืนตัวเหลวเป็นน้ำเร็วจนเกินไป ส่งผลให้โจ๊กที่ได้น่ารับประทาน***
4.คนให้ส่วนผสมเข้ากัน หมั่นคนข้าวในหม้อ ระวังอย่าให้ติดก้นหม้อ
5.ตั้งบนไฟประมาณ 1 ชั่วโมง หรือสังเกตจากความยุ่ยของเนื้อข้าวและความเหนียวข้นของโจ๊ก
6.จะได้ข้าวต้มหรือโจ๊กที่เหนียวข้นน่ารับประทานและไม่คืนตัวเหลวเป็นน้ำ อย่างที่หลายๆ คน ไม่ชอบรับประทาน
ส่วนผสม น้ำซุป
น้ำเปล่า 10 ลิตร
กระดูกหมู ตามชอบ
รากผักชี
ขิงแก่ 50กรัม
เกลือป่น
หัวใชเท้า
หอมหัวใหญ่ 1 หัวผ่าครึ่ง
พริกไทยเม็ดขาว4-5เม็ด
คนอซุปไก่
วิธีทำน้ำซุป
ใส่น้ำในหม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ใช้ฟแรงต้มจนเดือด แล้วหรี่ไฟ คอยเติมขิงแก่ลงไป พอเสร็จยกลงจากเตา
ส่วนผสมที่สำคัญของเครื่องโจ๊ก
หมูบด หรือจะใช้เนื้อสัตว์ที่ต้องการก็ได้ นำมาปรุงรสด้วย ซีอิ๋วขาว,พริกไทย,น้ำมันหอย,แป้งมัน นำมาฟาดในกะละมังหรือภาชนะก้นลึกจนเหนียวได้ที่ (วิธีนี้จะทำหมูบดเหนียวนุ่มทานอร่อย)
ไส้อ่อน , ตับ , ไข่ ฯลฯ ตามชอบ และผักโรยต่างๆ ได้แก่ ต้นหอม ขิง หมี่กรอบ

ข้อมูลจาก : คุณเฉลา จิตรปราณี บ้านเลขที่ 765/2 ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต




แจกฟรี!!สูตร”เป็ดย่างอร่อยแบบ MK” ทำง่ายมากๆ ใครก็ทำได้

ส่วนผสม

เตรียมเป็ด 1 ตัว
ขิง 2 แผ่น
กระเทียม 2 กลีบ
ต้นหอม 1 ต้น
รากผักชี 1 ต้น
สีผสมอาหารสีแดง ซีอิ้วดำ
น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโตะ
ผงพะโล้ 1ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาล 3ช้อนชา
+ชูรสนิดๆ
ดอกจันทร์2ดอก
เชือกเอาไว้เย็บ (แต่ห้ามใช้เชือกพลาสติก )
เข็มไว้สำหรับเย็บทรงจะโค้งๆ ครึ่งวงเดือน
ที่ป้ำลม
กระดาษฟอล์ยรองถาดตอนอบ

วิธีทำ

เป็ดสดล้างให้สะอาด 1 ตัว ถอนขนให้เกลี้ยง ล้วงไส้ข้างในท้องเป็ดทิ้งแล้วให้สะอาด
เอาผงพะโล้ไปคั่วในหม้อใบเล็กๆใส่หั่นต้นหอม ขิง กระเทียม ลงไป เกลือ+น้ำตาล+ชูรส
แล้วเอามาใส่ในท้องเป็ดเย็บให้แน่นปั๊มลม ผูกเชือกปิดตรงคอแล้ว ทาสี ที่ผสม
มี-สี1ช้อนชา+ซีอิ้วดำ+น้ำส้มสายชู+น้ำร้อนนิดหน่อย ทาตามผิวลงไป
ที่เราลวกน้ำร้อนนแล้วแล้ว

ผึ่งลมไว้ คืนนึง แล้วถึงมาเข้าเตาอบ
ทาสีแล้วแขวนทิ้งไว้คืนนึงแล้วถึงจะเอามาย่างเปิดเตา 220ย่างหลัง ก่อน 15ถึง20นาที
ขึ้นอยู่กับขนาดของเป็ดคะ และมาย่างตรงช่วงท้อง อีก 25ถึง30นาที
ย่างเสร็จแล้ว เอาแขวนไว้แล้วดึงด้ายที่เย็บออกมา เอาถ้วยรองน้ำที่ไหลออกมาจากท้อง
เป็ด ตักเครื่องเทศทิ้งไป เอามาชิมดู ถ้าขาดเค็มก็เติมเกลือ แล้วสับเป็ด ออกมาเป็นชิ้นๆ
แล้วเอาซอสที่รองได้ราดหน้าเป็ดลงไปให้ซอสซึมลงไปในเนื้อเป็ด จะทำให้เนื้อเป็ดไม่เเห้ง
และนิ่มขึ้น+เพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นค่ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


 
สูตรหมูหมักราดหน้า 4สูตร แบบหมูนุ่มเด้งอร่อย ทำกินทำขายรายได้มั่นคงถึงขั้นรวยพลิกชีวิตเปลี่ยน<ขอบคุณข้อมูลสูตรจากเว็บนายเหลืองดอจคอม http://9leang.com/
ส่วนประกอบน้ำหมักหมูเต็ม (หมักเนื้อหมู/1 กิโลกรัม) แบบโบราณไม่ใส่ผงโซดา

1. หมู ส่วนสะโพก (หั่นชิ้นพอคำ ).()…1 ก.ก. (ส่วนนี้เนื้อจะเป็นเส้นใย หั่นแบบขวาง)
2. น้ำตาลทรายขาว …………………….3 ชต. (หากมีน้ำตาลปี๊บ จากหอมกว่า)
3. ซ๊อสปรุงรส (ภูเขาทองฝาเขียว 4 ชต.
4. ซีอิ้วดำ หวาน 1/2 ชต. (เพิ่มสีให้ดูสวย)
5.น้ำมันกระเทียมเจียว 3 ชต.
6. พริกไทยขาวป่น…………………….1/2 ช.ต.
7. น้ำมันหอย…………………………… 4 ชต.
8. แป้งมัน ตราปลามังกร …………… …1 ช.ต.
9. น้ำสะอาด…………………………… 5 ชต.
10 ผงปรุงรสหมู 1 ชต.
11.ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ฟอง
.
วิธีทำ (ผสมน้ำหมักหมู)
ภาชนะใบใหญ่เช่นกะละมัง เทน้ำสะอาด(9) ตามด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว(5)ใหม่ๆ นายเหลือง ไม่เอาเนื้อกระเทียมนะครับ ตามด้วยแป้งมันละลายน้ำแล้วเทผสม ตืให้เข้ากันดีเสียก่อน จากนั้นนำส่วนผสมที่เหลือ 2-11 (ยกเว้น5,9 เพราะใส่ไปแล้ว) จะได้น้ำหมักหมู ชิมรสดูก่อนว่าถูกใจหรือไม่ แล้วปรุงเพิ่มตอนนี้ จากนั้นนำหมู ส่วนสะโพคที่หั่นเอาไว้แล้ว ลงคลุกผสม ใช้มือคลุกหมู กับน้ำปรุงราว10นาที จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา ทิ้งไว้อย่างน้อย 3ชม. หรือข้ามคืนได้ยิ่งดี ตอนหมักหมูใหม่ๆ น้ำหมักจะดูมากๆเจิ่งๆ แต่พอผ่านไปสัก 1-2 ชม.น้ำหมักจะหายไปหมด เพราะเข้าไปอยู่ในเนื้อหมูแทน ก่อนน้ำหมูไปปรุงราดหน้าให้นำมานวดหมูอีกครั้งเพื่อให้เครื่องปรุงทั่วถึง
.

สูตรน้ำหมักหมูแบบย่อ สำหรับทำทานง่ายๆที่บ้าน (สำหรับหมู 1กก.)
.
1. เนื้อหมู 1 กก.
2. แป้งมัน…………………………………….1.5 ชต.
3. น้ำตาลทราย 2 ชต. (ใช้น้ำตาลปี๊บจะหอมกว่า)
4. น้ำเปล่า…………………………………….. 4 ชต.
5. ซอสภูเขาทองฝาเขียวหรือซ๊อสแม็กกี้ …..3 ชต.
6. แป้งมัน …………………………….. . 1 ชต.
7. น้ำมันพืช 2 ชต.
8. ไข่ไก่ทั้งใบ 1 ฟอง

สูตรน้ำหมักหมูราดหน้า แบบ ทั่วไปปัจุบัน (ส่วนใหญ่ใส่ผงโซดา) สำหรับเนื้อหมู 1 กิโลกรัม
1. เนื้อหมู ส่วนสะโพก 1 กก.
2. โซดาไบคาร์บอเนต (ผงฟู) 1.5 ชช. (ตราเบสฟูดส์ อย่าใส่เยอะเนื้อจะเละมีรสเฝื่อน)
3. รสดีผง รสหมู/ไก่ 2 ชช. (ช้อนชา)
4. ซ๊อสปรุงรส ฝาเขียวหรือแม๊กกี้ 2 ชต.
5. น้ำตาลทรายขาว 2 ชช.
6. น้ำสะอาด 3 ชต.
7. พริกไทยขาว 2 ชช.

สูตรน้ำหมักหมูราดหน้า แบบโบราณ ไม่ใส่แป้งมันหมูอกนุ่มๆ แต่ไม่เด้ง เคี้ยวสู้ฟัน
1. เนื้อหมู ส่วนสะโพก 1 กก.
2. น้ำปลาอย่างดี 4-5 ชต.
3. พริกไทย 2 ชช.
4. ไข่ขาวของไข่ไก่ 1 ฟอง
5. น้ำตาลทรายขาว 2 ชช.
6. น้ำสะอาด 3 ชต
7. น้ำมันหมู พร้อมกากหมูสับละเอียด 4 ชต.
8. น้ำสัปรส 2 ชต.

นายเหลือง หวังว่าคงโดนใจท่านสักสูตรนะครับ

ขอบคุณข้อมูลสูตรจากเว็บนายเหลืองดอจคอม http://9leang.com/2010/05/03/สูตรราดหน้าเอมไพร์/
ขอบคุรภาพประกอบจากบ้านพรพนา: ราดหน้าหมูหมัก http://choieka.blogspot.com/2011/10/blog-post_26.html


  
กุ้งอบวุ้นเส้น"สูตรนี้ทำกินที่บ้านและสร้างอาชีพได้ อร่อยเทียบเท่าร้านอาหารดังสนับสนุนทำอาหารเองที่บ้านไม่ต้องง้อร้าน
ส่วนผสม
กุ้งขนาดกลาง 6 ตัว

วุ้นเส้น แช่น้ำแล้ว 200 กรัม

หมูสามชั้น ให้พอดีกับหม้ออบ

ขิงแก่หั่นเป็นแว่นแล้วทุบ 7 แว่น

กระเทียมทุบ 5 กลีบ

รากผักชี 5 ราก

พริกไทยดำบุบพอแตก และ เม็ดผักชี อย่างละ 1 ชต

ซอสหอยนางรม ตราภูเขาทอง 7 ชต

ซอสปรุงรส ตราภูเขาทอง ½ ชต

ซีอิ้วขาวตราภภูเขาทอง สูตร 1 1 ชต

น้ำตาล 2 ชช

เหล้าจีน 1 ชช

น้ำมันงา ½ ชต

น้ำซุป หรือ น้ำเปล่า 300 ml

ถุงผ้า หรือ ผ้าขาวบางสำหรับห่อเครื่องเทศ

คื่นฉ่าย และ พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้า

เมื่อเตรียมของเรียบร้อยแล้ว มาทำกันเลย

1, นำซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว น้ำตาล เหล้าจีน น้ำมันงา มาผสมกันแล้วคลุกกับวุ้นเส้นพักไว้
2. นำพริกไทยดำ และ เม็ดผักชีไปใส่ห่อผ้า และนำ ไปต้มกับน้ำซุปให้มีกลิ่นหอมโดยใช้ไฟอ่อน ประมาณ 5 นาที ปล่อยทิ้งไว้พออุ่น
3. วางหมูสามชั้น ขิง กระเทียม รากผักชีไว้ที่ก้นหม้ออบ นำถุงผ้าที่ต้มแล้วมาวางด้ว
4. นำวุ้นเส้นในข้อที่ 1 มาวางทับ ตามด้วยกุ้ง และใส่ซุปลงไป
5. นำไปอบที่ไฟกลางประมาณ 9-10 นาที เมื่อเสร็จแล้ว โรยคื่นฉ่าย และ พริกไทยป่น เสริฟร้อนๆ กับน้ำจิ้มซีฟู้ดได้เลยค่ะ

เครดิตที่มาสูตร https://gmsauce.wordpress.com/2009/11/18/กุ้งอบวุ้นเส้น/
เครดิภาพจากอินเตอร์เน็ต


  
สูตรการทำกุ้งสเต๊ะ! เมนูขายดี และหาทานได้ยากมากสำหรับเพื่อนๆที่อยากหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้แก่ตนเอง การขายกุ้งสะเต๊ะก็น่าลองเลยทีเดียว
วัตถุดิบและส่วนผสมกุ้งสเต๊
1) เนื้อกุ้งแกะเปลือก เหลือส่วนหางกุ้ง 150 กรัม

2) ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา

3) กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ

4) ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

5) ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

6) น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา

7) น้ำกะทิ 1/2 ถ้วย

เวลาในการทำ 30 นาที
วิธีทำกุ้งสเต๊ะ

1) นำผงกะหรี่ ซอสหอยนางรม กระเทียมสับ และซอสปรุงรสมาผสมเข้าด้วยกัน

2) นำเนื้อกุ้งลงไปคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่ผสมไว้ให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 15 นาที

3) เตรียมเตาย่างหรือเตาไฟฟ้า นำกุ้งที่หมักออกมาเสียบไม้เตรียมไว้

4) เมื่อเตาร้อนนำกุ้งมาย่าง ระหว่างย่างคอยทาด้วยน้ำกะทิจนสุก

5) เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะและอาจาด ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

ติดตามอัพเดตสูตรอาหารต่างๆได้ที่ : Facebook KingSMEs สูตรอาหารเด็ดต่างๆ และฟรี!
เครสูตรอาหารเว็บ http://www.kingsmes.com/2015/06/free-recipe-21.html
เครดิตภาพจากอินเตอรเน็ต


  
ยำข้าวทอดแหนมคลุก สร้างอาชีพทำเงิน
ส่วนผสมและสัดส่วน
ข้าวทอด

ข้าวสวย (ใช้ข้าวสวยค้างคืน)
น้ำพริกแกงคั่ว (น้ำพริกแกงเผ็ด)
ไข่ไก่
มะพร้าวขาวขูดเป็นเส้น (ถ้าไม่ชอบก็สามารถเอาออกได้)
ใบมะกรูดซอย
น้ำตาลทราย
เกลือป่น
แป้งสำหรับใช้ชุบแป้งทอด

ยำข้าวทอดแหนมคลุก
ข้าวทอด
แหนมสด
หอมแดงซอย
ต้นหอมซอย
ผักชีฝรั่งซอย
ขิงซอย
ผักชีซอย
ถั่วลิสงทอด
ใบสะระแหน่
พริกแห้งทอด
พริกป่นคั่ว
น้ำมะนาว
น้ำปลา
น้ำตาลทรายเล็กน้อยถ้าชอบกินหวาน

วิธีปรุง
1. ก่อนอื่นต้องเริ่มจากพระเอกของเมนูนี้กันก่อน ทำข้าวทอดเอาน้ำพริกแกงคั่วคลุกกับข้าวสวย
2. ตอกไข่ลงไป คลุกให้เข้ากันแล้ว ใส่มะพร้าว ใบมะกรูด เติมน้ำตาลทรายและเกลือลงไป หรือจะใช้น้ำปลาแทนเกลือก็ได้ค่ะ
3. ปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าๆ กัน เตรียมละลายแป้งชุปทอดกับน้ำเปล่า
4. ตั้งกระทะเตรียมทอดพอน้ำมันร้อน เอาข้าวที่ปั้นเป็นก้อนไว้ชุปแป้งแล้วเอาลงทอดให้แป้งกรอบสีเหลืองสวยตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมนำมายำต่อไป
5. ข้าวทอดยีให้เป็นชิ้นๆ ไม่ต้องละเอียดนะเดี๋ยวเคี้ยวไม่อร่อย ใส่แหนมสดยีลงไป เติมเครื่องยำต่างๆลงไป
6. ปรุงรสด้วย เครื่องปรุงต่างๆ ชิมรส แล้วตักใส่จาน โรยด้วยถั่วลิสง พริกแห้งทอด ผักชีและใบสะระแหน่ กินแกล้มกับผักสดต่างๆ ตามชอบ
ขอบคุณที่มาสูตร http://th.openrice.com/th/recipe/ยำข้าวทอดแหนมคลุก/907
เครดิภาพจากอินเตอร์เน็ต


  
สูตรปลาดุกย่างน้ำปลาหวานกับผักสะเดา"เมนูตามฤดูกาลกับลมหนาวกรายเข้ามาเยือน หวาน คาว ขม ขอชื่นชมไม่รู้ใครเป็นต้นคิด>ขอบคุณภาพสวยๆจาก คุณบ่งบ๊งลั้ลลา ศุกร์หรรษา พาเหรด เว็บพันทิป http://pantip.com/topic/31243887
เครื่องปรุง
ปลาดุก 1-2 ตัว
น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 2 ถ้วย (200 กรัม)
น้ำปลา 1/2 ถ้วย (80 กรัม)
หอมแดงเจียว 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
กระเทียมเจียว 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
พริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
น้ำมะขามเปียกข้นๆ 1/2 ถ้วย (80 กรัม)
ดอกสะเดา 5-10 กำ (500 กรัม)
วิธีทำ
ล้างสะเดาให้สะอาด อย่าให้ช้ำ ต้มน้ำใ้ห้เดือดแล้วเทใส่สะเดาให้ท่วม พักไว้จากนั้นจึงเทน้ำทิ้ง
นำปลาดุกไปย่างไฟให้สุกเหลือง แล้วพักไว้
ผสมน้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก น้ำปลาเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนเหนียวเล็กน้อย แล้วยกลง
ตักใส่ถ้วย โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว และพริกทอด ลอยหน้าน้ำปลาหวาน ยกเสิร์ฟพร้อมสะเดา และปลาดุกย่าง

สรรพคุณทางยา
ดอกสะเดา ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ แก้ไข้หัวลม
น้ำมะขามเปียก ขับเสมหะในลำไส้ แก้ไอ แก้ท้องผูก
หอมแดง แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ
กระเทียม แก้ไอ ขับเสมหะ ขับลมในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลืือด
พริกแห้ง ขับลม ช่วยเจริญอาหาร ช่วยย่อย

ขอบคุณภาพสวยๆจาก คุณบ่งบ๊งลั้ลลา ศุกร์หรรษา พาเหรด เว็บพันทิป http://pantip.com/topic/31243887


 
สุตรน้ำราดข้าวหมูแดงหมูกรอบเด็ดอร่อยขั้นเทพอร่อยสุดคำบรรยายใครจะเปิดร้านตอนนี้อ่านสูตรแชร์เลยขายดีแน่นอน ขอบคุณเจ้าของสูตรคิดค้นโดย กิมเล้ง อร่อยต่อเนื่องมาตั้งแต่ยังสาว
เครื่องปรุงน้ำราด
- ขิงหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เต้าเจี้ยวดำ 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับใส่ราดหน้า)
- ผงพะโล้ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลปีบ ¼ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมันฮ่องกง หรือแป้งท้าวยายม่อม ¼ ถ้วยตวง (แป้งจะไม่คืนตัว)
- เหล้าจีน 1/4 ช้อนชา
- น้ำต้มหมู หรือน้ำซุปเข้มเข้น 3 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.เจียวหอมแดง กระเทียม ขิง รากผักชีให้เหลืองหอม นำไปบดหรือโขลกพร้อมเต้าเจี้ยวดำให้ละเอียด
2.ใส่น้ำตาลปีบในน้ำมันที่ใช้เจียวเครื่องปรุงในข้อ 1 เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลละลาย ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย ผงพะโล้
ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส
3.ใส่น้ำต้มหมูหรือน้ำซุปเคี่ยวจนเดือด ใส่แป้งมันฮ่องกงหรือแป้งท้าวยายม่อมละลายน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากันอย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อน
ยกลงจากเตา แล้วใส่เหล้าจีนคนให้เข้ากั
4.หอมแดงโขลกหรือสับ 3 – 4 หัว นำไปเจียวให้เหลือง นำน้ำมันเจียวหอมไปผสมกับน้ำหมูกรอบตามข้อ 3 คนให้เข้ากัน

ส่วนผสมหมูแดง
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1. ผักชี 2 ต้น ใช้ทั้งรากและใบ 2. กระเทียมกลีบใหญ่ 7 กลีบ 3. เนื้อหมูสันใน 1 เส้น (ครึ่งกิโลกรัม) 4. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย 5. น้ำปลา 1/2 ถ้วย 6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา 7. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ 8. สีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนชา

วิธีการทำหมูแดง
ทุบรากผักชี และกระเทียม (ไม่ต้องปอกเปลือก) เพราะว่าเครื่องต่างๆ เอาไว้หมักเพื่อความหอมเท่านั้น
นำเนื้อหมูสันในมาจิ้มด้วย ที่ทิ่มหมูกรอบ เพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าไปในเนื้อหมูมากขึ้น ทำทั้งสองด้าน เหตุที่ใช้เนื้อหมูสันใน เพราะว่าเมื่อนำไปย่างแล้วจะนุ่ม ไม่กระด้างและไม่แข็งจนเกินไป เหมาะที่จะนำมาทำเป็นหมูแดง
คลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน เริ่มจากน้ำตาลทราย น้ำปลา พริกไทยป่น ผงพะโล้ สีผสมอาหารสีแดง ลงในชามผสมอาหารสเตนเลส
หมูแดงจะรสชาติหวานเค็ม ต้องใส่น้ำตาลมากเป็นพิเศษซึ่งน้ำตาลจะช่วยทำให้หมูแดงที่นำไปย่างมีความมันเงาบนเนื้อของหมู
ใส่ผักชีและกระเทียมที่ทุบแล้วลงไป ใส่หมูสันในลงไป
ขยำเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้าไปในเนื้อหมูสันใน จากนั้นทิ้งไว้ 1 คืน หรือหากมีเวลาจำกัด อาจทิ้งไว้ซัก 2 ชั่วโมงก็สามารถนำเนื้อหมูสันในที่ผ่านการหมักมาย่างได
นำหมูแดงเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศา 40 นาที ส่วนน้ำหมักหมูแดงอย่าเพิ่งทิ้ง สามารถนำมาใช้ทำน้ำหมูแดงต่อได้

ขอบคุณสูตรน้ำราดหมูแดงโดย กิมเล้ง http://www.sookjai.com/index.php?topic=37067.0
ขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆจากจากคุณ:Tuxsterเว็บพันทิป http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/09/D12723640/D12723640.html
 
แจกสูตรลับน้ำปลาหวาน สูตรสำหรับทำขาย(มะม่วง)รายได้หลักแสนต่อเดือน>ขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆ คุณbenz47 เว็บพันทิป
สูตรลับน้ำปลาหวาน ด้วยงบประมาณไม่เกิน1000บาท
ส่วนประกอบ (สำหรับน้ำตาลปี๊บ 1โล)
1. กุ้งแห้งเนื้อ 1 ขีด
2.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
3.กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
5. หอมแดงปอกเปลือกซอย 20 หัว
6. พริกแห้งคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำสะอาด

วิธีทำ
1.โขลกกุ้งแห้งจนเนื้อฟูหรือถ้าใครจะปั่นก็ได้เเต่เนื้อจะไม่ค่อยฟู
2. เทน้ำตาลปี๊ปใส่หม้อ พร้อมตั้งไฟ
3. ละลาย กะปิ เเละ น้ำปลา ลงในหม้อ
4. เคี่ยวจนเดือด เเล้วใส่พริกป่นเเละกุ้งเเห้งตามด้วยหัวหอม
5. เติมน้ำลงไปในหม้อพอประมาณ เคี่ยวต่อจนเดือด
6. ชิมรสตามชอบ
7.ทิ้งไว้ให้เย็น เเล้วตักใส่กระปุกปิดฝา
*** ใครที่ชอบทานเผ็ด สามารถใส่พริกขี้หนูซอยเพิ่มไปได้ นะค้าา ลองทำดูค่ะ สูตรนี้ทำขายได้สบายเลย

ขอบคุณสูตรอาหารจากสมาชิกหมายเลข 813826 พันทิป http://pantip.com/topic/33567670
อบคุณเจ้าของภาพสวยๆ คุณbenz47 เว็บพันทิปค่ะ http://pantip.com/topic/31145778


 
อาชีพเสริมหลังเลิกงาน ทำลูกชิ้นหมูขาย หรือ ทำกินเองในครอบครัว ปราศจากสารตกค้าง กับจุดเริ่มต้นโอกาสเป็นเถ้าแก่เงินล้าน++ขอบคุณเจ้าของสูตรและภาพโดยThai-Swedish
เนื้อหมูบดหนึ่งกิโล
น้ำปลาสองช้อนโต๊ะ
เกลือหนึ่งหยิบมือ
ผงฟูหนึ่งช้อนชา
แป้งข้าวโพดหนึ่งช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น มากน้อยตามชอบ
***สูตรเราไม่ใส่น้ำเย็นหรือน้ำแข็งนะคะ ปั่นแต่เนื้อนั่นแหละ เหนียวดีนักแล
ไม่ใส่น้ำมันพืชเพราะแค่เนื้อหมูเราก็ว่าไขมันพอแล้วค่

ปั่นเนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ที่เราจะทำ
เมื่อปั่นละเอียดดีแล้ว เติมน้ำปลา เกลือ ผงฟู แป้งข้าวโพด พริกไทย
เอาเข้าตู้แช่แข็ง สามสิบนาทีค่ะ

ต้มน้ำให้เดือด แต่ตอนเอาหมูจากช่องแข็งใช้มือจุ่มน้ำปั้นหมูบีบให้ก้อนหมูโผล่แล้วเอาชอนตักออมมาลงลงใส่หม้อ ให้ปิดเตา หรือไม่ก็เอาหม้อออกจากเตา เพราะเราจะไม่ใส่ลูกชิ้นตอนน้ำเดือดจัดน่ะค่ะ (กลัวไม่เด้ง)
ต้มจนลูกชิ้นสุก ประมาณสิบนาทีมังคะ เราคนตลอดให้ความร้อนทั่วถึงทุกลูกน่ะค่ะ ไอ้ที่มันลอยๆ อาจจะยังไม่สุก อาจจะตักมาผ่าดูว่าสุกหรือยัง เนื้อไม่แดงน่ะค่ะ
เมื่อสุกแล้ว ตักใส่น้ำเย็นค่ะ ของเราน้ำเย็นๆจากก๊อกธรรมดา ไม่ใส่น้ำแข็งค่ะ

ปล่อยเย็น
รินน้ำออก เอาลูกชิ้นไปทำอาหารตามชอบ หรือจะเข้าช่องแข็งก็แล้วแต

ขอขอบคุณเจ้าของสูตรและภาพประกอบโดยThai-Swedish ที่ให้โดกาสนำเสนอค่ะ ที่จากเว็บ http://www.foodietaste.com/recipe_detail.asp?id=505
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต


 
สูตรเด็ดน้ำจิ้มปลาหมึกย่างทำเงินหลักแสน ภาวะเสี่ยงน้อยโอกาสรวย!!และวิธีการหมักปลาหมึกให้น่ากินเหลืองอร่าม ธรรมมชาติหอมอร่อยดึงดูดใจลูกค้า แค่เดินผ่านร้านก็แทบกลั้นน้ำลายไม่อยู่
ขั้นตอนการทำดังนี้
1.หาซื้อปลาหมึกสด ที่ตลาด ให้เลือกที่สด ๆ นะวิธีส่วนตัวของผมเลือกที่ตัวสีม่วง ๆ คล้ำ ๆ ถ้าเลือกได้นะ ส่วนตัวขาว ๆ แสดงว่าอยู่กับแม่ค้ามานาน
2.วิธีล้างเพื่อไม่ให้ปลาหมึกเค็ม เพราะตอนที่เขาเอามาจากเรือเขาจะแช่เย็นและลงเกลือมา ถ้าเราไม่ล้างเอาความเค็มออก ปลาหมึกเราจะเค็ม วิธีการคือ เค็ม ตัด เค็ม โดยการที่เราเอาเกลือ 2 กำมือ ต่อปลาหมึก 1 กก ใส่รวมกันใส่น้ำ 1 ขันล้างโดยการตีฟอง ความเค็มที่ตัวปลาหมึกจะออกมาเอง ทำแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง สังเกต ฟองของน้ำลดลง
3. ให้นำสารส้ม มาล้างที่ตัวปลาหมึก จะบดผสมน้ำ หรือ เอามาขัดตามตัวปลาหมึกก็ได้ จะช่วยให้ปลาหมึกของเราไม่มีกลิ่นคาว
3.ให้เอาปูนขาว หรือน้ำปูนใส(ปูนกินหมากนะ ไม่ใช่ ปูนซีเมนต์) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1-2 ขัน หลังจากนั้นให้เอา ปลาหมึกไปแช่น้ำปูน เวลาย่างปลาหมึกจะกรอบอร่อย
4. น้ำต้มสุกรอให้เย็น 1 ถ้วย ใส่ซีอิ๋วดำ 1 ช้อนโต๊ะ และเพื่อให้สีปลาหมึกเหลืองสวยน่ากิน ให้ใส่ผงขมิ้นลงไปเล็กน้อย
นำปลาหมึกลงไปคลุกกับน้ำซีอิ๋วให้ทั่ว นำไปเสียบกับไม้ย่าง ให้แห้งกรอบ
สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกย่างน้ำจิ้มปลาหมึกย่างต้องมีรสชาติจี๊ดจ๊าดแบบสไตล์น้ำจิ้มซีฟูดส์ ปลาหมึกย่างจะอร่อยต้องมีน้ำจิ้มรสเด็ดควบคุ่กันไปด้วย
หมายเหตุปริมาวัตตวงกันเองนะจ๊ะตามชอบ
สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด
สวนผสม
พริกแดง/พริกขี้หนู
กระเทียมไทย
น้ำเชื่อมน้ำตาล
ผงชูรส (ไม่ใส่ก็ได้)
รากผักชี
ผักชีหั่น
น้ำมะนาว 1 ถ้วย (ใช้แบบขวดก็ได้)
น้ำกระเทียมดอง
น้ำปลา
น้ำมะขามเปียก
วิธีทำ
1.น้ำเชื่อม น้ำกระเทียมดอง น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก น้ำปลา ผงชูรสในภาชนะ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกั
2.ใส่รากผักชี กระเทียม พริกแดง ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียดมากๆ หรือจะโขลกก็ได้ค่ะ
3.ที่ผสมแล้วในข้อ 1 ลงในโถปั่น ปั่นต่อให้เข้ากัน
4.จากนั้นค่อยใส่ผักชีซอย รสชาดเปรี้ยวหวานยังงัยก็ชิมตามชอบค่ะ
การเก็บรักษาน้ำจิ้มปลาหมึก
1. เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
2. เก็บในถังน้ำแข็งอยู่ได้นาน 10 วัน
***ควรปิดภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มให้มิดชิด
เครดิตภาพน้ำจิ้มร้านหมึกสดย่างหน้าตะวันนา อ่านต่อได้ที่https://www.wongnai.com/r…/07689e710c4641ba9b15275bf4ba6797…
ขอบคุณภาพประกอบจากน้ำจิ้ม อัลบั้มรูป - อร่อยเหาะ!! ปลาหมึกย่างรถเข็น หน้าพันธุ์ทิพย์งามวงค์วาน http://webboard.edtguide.com/forum.php

  
กล้วยปิ้ง ราดซอสมะพร้าวอ่อน
เมนูกล้วยปิ้งทำไม่ยากแต่จะทำอย่างไรให้อร่อยไม่หวานเว่อร์ และหอมหวนนั้น เรามีวิธีมาแนะนำค่ะ ทำขายรับรองสร้างได้อย่างงดงามเลยทีเดียว

วัตถุดิบกล้วยปิ้ง ราดซอสมะพร้าวอ่อน

1.กะทิ(250 มิลลิลิตร) 1 กล่อง แนะนำเป็นยี่ห้ออร่อยดีไม่มีกลื่นหืน
2.น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม สูตรหวานพอดี หากชอบหวานมากให้เพิ่มเป้น 300 กรัม
3.เกลือ 1/2 ช้อนชา
4.แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ
6.กล้วยน้ำว้า 1 หวี
7.มะพร้าวอ่อนขูดลอนใหญ่ 1 ถ้วย

เคล็ดลับการเลือกกล้วยให้พอดีปิ้งอร่อยไม่ฝาดและไม่เละ เลือกกล้วยน้ำว้าสีกะดังงา คือ กล้วยที่มีสีเขียวแซมบริเวณปลายและตรงโคนมีสีเหลือง หรือที่เรียกว่ากล้วยกำลังห่ามนั่นเองค่ะ แบบนี้จะย่างง่ายหน่อย เสียบไม้ง่าย และอร่อยกำลังพอดี

วิธีทำซอสมะพร้าวอ่อน

1.เคี่ยวกะทิกับน้ำตาลปี๊บในหม้อด้วยไฟอ่อนจนละลาย

2.จากนั้นเติมเกลือลงไปคนไปเรื่อย ๆ จนกะทิเริ่มข้นชิมรสตามชอบใ

3. นำแป้งข้าวโพสผสมกับน้ำคนให้เข้ากัน ใส่ลงในหม้อคนให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ ตั้งไว้ให้เย็น

ขั้นตอนปิ้งกล้วยให้อร่อย

1.เริ่มจากการตัดหัวท้ายของผลกล้วยทั้งสองข้างทิ้งและกรีดลงมาเป็นแนวยาวเส้นเดียว หลังจากนั้นก็ลอกเปลือกกล้วยออกได้เลยอย่างง่ายดายตัดหัวท้ายของกล้วยออกเพื่อความสวยงาม
2. นำกล้วยน้ำว้าทั้งลูกไปปิ้งให้สุก หากไม่สะดวกใช้วิะีปิ้งเตาถ่านให้นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
3. เมื่อกล้วยสุกแล้วหาถุงพลาสติกมาใส่กล้วย จากนั้นนำไปวางบนเขียงแล้วใช้สากหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทับกล้วยให้แบน

4.จัดเสิร์ฟในแบบขงคุณเอง หรือ นำกล้วยที่เราทับวางใส่จาน นำเนื้อมะพร้าวอ่อนไปผสมกับน้ำกะทิแล้วตักราดบนตัวกล้วยปิ้ง อร่อยเว่อร์ได้ใจจริงๆค่ะ

ว่างๆลองทำดูนะคะ อร่อยชัวส์ หากทำคล่องแล้วหาทำเลดีๆทำขายเลยก็เข้าท่าค่ะ ต้นทุนต่ำ กำไรอื้อเลยทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ :http://patampatan.com/
เครดิตภาพ http://www.siamarcheep.com/กล้วยปิ้งอบมะพร้าวอ่อน.html


  
เต้าฮวยนมสด ฟรุตสลัดกับอาชีพลงทุนหลักพันสู่แม่ค้าเงินล้าน
ส่วนผสม
1. น้ำเปล่า 1000 ml
2. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
3. ผง วุ้น 3 ช.ช (ยี่ห้อไรก็ได้)
4. นมสดจืด 1000 ml
5. นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
6. กลิ่น วนิลา 1 ช.ช
7. ผลไม้ต่างตามชอบหั่นชิ้นเล็กๆ สำหรับแต่งหน้า
วิธีทำ ....
1. ต้มน้ำจนเดือด ใส่น้ำตาลแล้วคนให้ละลาย
2. ใส่ผงวุ้น
3. หรี่ไฟอ่อน แล้วใส่นมสดคนให้เข้ากัน ปล่อยให้เดือดประมาณ 3 นาทีแล้วปิดไฟ
4. ใส่นมข้นหวานคาร์เนชั่น1/4 กระป๋องหรือยี่ห้อใหนก็ได้ ที่เหลือเอาไว้ราดหน้าหลังจากใส่ ฟรุตสลัด
5.ใส่กลิ่นวนิลาคนให้เข้ากันแล้ว ยกลงจากเตา พักไว้พออุ่นๆ
6. ตักใส่ ภาชนะที่เตรียมไว้แล้วใส่ ตู้เย็น รอเซ็ต ตัว ประมาณ 40 นาที หรือ 1ช.ม.
7. ใสฟรุตสลัด หรือผลไมหั่นชิ้นเล็ก ราดด้วยนมคาร์เนชั่นที่เหลือ แล้วเข้าตู้เย็นรอเสริฟจ้าา

เครดิตสูตรแม่รวยนครปฐม
ขอบคุณเจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต


 
สูตรน้ำสลัดแบบเข้มข้นและอีก4สูตรให้เลือกทำและวิธีทำน้ำสลัดทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจขายได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด หน้าห้าง ฟุตบาทข้างถนนที่มีคนสัญจร
สูตรและวิธีทำน้ำสลัด (สลัดน้ำข้น)
ส่วนผสม
1.ไข่แดง 2 ฟอง
2.เกลือป่น 1 ช้อน
3.น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
4.นมข้น 4 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
8.มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำสลัด
1.ตีไข่แดงและน้ำตาลทรายจนฟู แล้วเติมเกลือ มัสตาร์ด น้ำส้มสายชู และมะนาวตีให้เข้ากันอีกครั้ง
2.ค่อยๆเติมน้ำมันลงไปทีละน้อยแล้วตีไปเรื่อยๆจนน้ำมันหมด
3.เติมนมข้นลงไปแล้วตีให้เข้ากันจนน้ำสลัดมีลักษณะข้นแล้วชิมรสตามชอบ
เคล็ดลับสำหรับการทำน้ำสลัดในปริมาณมากๆหรือทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ อาจเพิ่มส่วนผสมไปตามอัตราส่วนแล้วเปลี่ยนจากวิธีตีน้ำสลัดเป็นการนำใส่โถปั่น โดยทำไปตามขั้นตอนก็จะทำให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นค่ะ

1. น้ำสลัดครีมวาซาบิ
ส่วนผสม น้ำสลัดครีมวาซาบิ

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 100 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 250 มิลลิลิตร
นมข้นหวาน 60 มิลลิลิตร
วาซาบิสด 1/8 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ น้ำสลัดครีมวาซาบิ
2. เทน้ำมันมะกอกลงไป คนผสมเร็ว ๆ จนน้ำมันเป็นเนื้อเดียวกัน
3. เติมนมข้นหวานและวาซาบิสดลงไปคนผสมให้เข้ากัน
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

2. น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
ส่วนผสม น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ

น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
มัสตาร์ดชนิดครีม 1 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำมันดอกทานตะวัน 1/4 ถ้วย
นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ
นมสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ น้ำสลัดครีมไขมันต่ำ
1. ใส่น้ำมะนาว มัสตาร์ด น้ำตาลทรายแดง เกลือสมุทร และพริกไทยดำ คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
2. เติมน้ำมันดอกทานตะวันลงไปพร้อม ๆ กับตีส่วนผสมให้เข้ากัน
3. ใส่นมข้นหวานและนมสดลงไปคนให้เข้ากัน
4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

3. น้ำสลัดโยเกิร์ต
ส่วนผสม

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย
น้ำแอปเปิล 100% 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
น้ำเชื่อม 2 ช้อนชา
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา
ลูกเกดสีเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผสมโยเกิร์ต น้ำแอปเปิล น้ำมะนาว กลิ่นวานิลลา น้ำเชื่อม เกลือ และผงอบเชยคนให้เข้ากัน
2. ใส่ลูกเกดเหลืองลงไปคนให้เข้ากัน
3. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

4. น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใ

น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใส น้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่น มีรสเผ็ดจากวาซาบิ และความหอมของซอสโชยุญี่ปุ่น ที่ขาดไม่ได้เลยคือ พระเอกอย่างงาคั่ว กินกับผักสลัดต่าง ๆ ตามชอบเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นผักกาดแก้ว ผักกาดหอม มะเขือเทศราชินี รวมถึงผลไม้อย่างแอปเปิล ฝรั่ง ใส่โปรตีนจากเนื้อสัตว์อย่างปลาทูน่า หรือกุ้งต้มก็เข้ากันดีค่ะ
ส่วนผสม น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใ

น้ำเปล่า 230 มิลลิลิตร
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 150 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 150 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วตามชอบ
วาซาบิ 1/4 ช้อนโต๊ะ
ซอสโชยุญี่ปุ่น 125 มิลลิลิตร
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นงาน้ำใ
1. เทน้ำเปล่า ตามด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำตาลทราย และเกลือ ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวให้เข้ากันจนเดือด
2. ยกออกจากเตา เทใส่อ่างผสมแล้วพักไว้จนเย็น
3. เทใส่ภาชนะ ใส่งาขาว ตามด้วยวาซาบิลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมซอสโชยุ น้ำมันมะกอก และน้ำมันงา คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

4 สูตรน้ำสลัดไขมันต่ำ ทั้งน้ำใสและน้ำข้น หุ่นสวยมั่นใจได้สุขภาพ

4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสลัด หรือเก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดมิดชิด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 20 วัน

ที่มาข้อมูลจากเว็บกระปุกดอจคอม http://cooking.kapook.com/view128886.html
เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ต
 
สูตรลับ! ทำน้ำนมข้าวโพด สูตรสำหรับกินเองหรือทำขายอร่อยๆยึดเป็นอาชีพได้ขายช่วงเช้าขายดีรายได้ดี หลักหลายพันขึ้นต่อวัน โดยน้ำนมข้าวโพดนั้น จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์มาก ที่สำคัญคือไขมันต่ำไม่ทำให้อ้วนอีกด้วย เป็นเครื่องดื่มที่ถูกใจสาวๆจริงเชียว
วัตถุดิบและส่วนผสม

1) ข้าวโพดหวานฝานเมล็ดบางๆ 5 ฝัก

2) ใบเตยหอมใบใหญ่มัดเป็นปม 2-3 ใบ

3) น้ำ 10 ถ้วย

4) เกลือสมุทร ¼ ช้อนชา

วิธีทำน้ำนมข้าวโพด

1. ตั้งหม้อบนไฟขนาดกลาง จากนั้นใส่น้ำ ใบเตย และเมล็ดข้าวโพดที่ฝานลงไปต้มจนเดือด เมื่อต้มจนได้กลิ่นหอมของใบเตยแล้วจึงยกลงพักไว้ แล้วกรองเอาเมล็ดข้าวโพดออก

2. ใส่เมล็ดข้าวโพดที่กรองออกมากับน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นจนละเอียดเข้ากัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ นำไปใส่หม้อเดิม แล้วตั้งบนไฟขนาดกลางอีกรอบ

3. ใส่เกลือ แล้วลดเป็นไฟขนาดอ่อน ขณะต้มคอยคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ก้นไหม้ ใส่น้ำตาลปรุงรสเพิ่มหากชอบหวาน ใช้เวลาต้มประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ แล้วยกลงพักไว้

3. รอให้อุ่นรินใส่แก้ว แล้วพร้อมเสิร์ฟค่ะ

สำหรับคุณประโยชน์ของน้ำนมข้าวโพด

1. ประกอบไปด้วยไขมันและโซเดียม ที่ต่ำ ทำให้ไปเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต และไม่ทำให้อ้วน

2. มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงผิวและบำรุงสายตา และยังมีมีแคลเซียมช่วยกระตุ้นการเจริญของกระดูก ผม และฟันในเด็กวัยเรียน

ยังมี คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แมกนีเซียม โพแตสเซียม เมไธโอนีน วิตามิน เอ บี และอื่นๆ

3. ยังเป็นเครื่องดื่มเพิ่มพลังงานในคนฟื้นจากไข้ หรือผู้มีอาการอ่อนเพลีย

อ้างอิงข้อมูลจาก: หนังสือพิมพ์มติชน
เครดิตข้อมูลสูตรอาหารจากเว็บ http://www.kingsmes.com/2015/06/free-recipe-25.html
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


 
**สูตรน้ำฟักทอง สูตรธรรมชาติ**เพื่อสุขภาพค่ะเหมาะสำหรับทำกินทำขายเป็นอาชีพขายตอนเช้าขายดี
สิ่งที่ต้องมี(เตรียม)
๑. ฟักทอง เลือกที่ผิวดูเขียวแก่ๆ ดูภายนอกแข็งๆ
แต่ข้างในมันดีมากเลยล่ะค่ะ ๕๐๐ กรัม (ครึ่งกิโลกรัม)
๒. เกลือป่นเล็กน้อยประมาณ ๑/๒ ช้อนชา
๓. น้ำเปล่า ๐.๕ ลิตร
๔. น้ำตาลทรายแดง รสหวานปะแล่มๆ ใส่ ๑ ทัพพีตักแกง
แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลค่ะ ฟักทองหวานธรรมชาติอยู่แล้ว

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

๑. ทัพพี
๒. หม้อ, หม้อนึ่ง
๓. กระชอน หรือสะดวกใช้เครื่องปั่นก็ได้

วิธีทำ

เตรียมนึ่งฟักทองโดยล้างฟักทองให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอประมาณ ไม่หนาจนเกินไป
ฮานาโกะนึ่งทั้งเปลือกเลยค่ะ บางสูตรเขาจะให้เราปอกเปลือกก่อน
แต่เปลือกฟักทองก็กินได้ อย่าทิ้งค่ะ เสียดาย อิอิ ใช้เวลานึ่งประมาณ ๔๐-๖๐ นาทีกำลังดี

จากนั้นพักฟักทองให้เย็นลงพอจับได้ ก็ใช้ทัพพีตักเนื้อออกจากเปลือก
ฟักทองนึ่งแล้วนิ่ม ตักเนื้อออกง่ายเลย

กลับมาที่เนื้อฟักทอง
เนื้อฟักทองนิ่มมาก จะทำแบบใดแล้วแต่สะดวก
ถ้าใช้กระชอน ก็เติมน้ำลงไปผสมกับเนื้อแล้วยีเนื้อให้ละเอียดปานกลาง
แล้วตักไปกรองด้วยกระชอน

ส่วนใครใช้เครื่องปั่น ปั่นรวดเดียวเลย แล้วถ้าชอบเนื้อข้นๆ ก็ไม่ต้องกรอง
แต่ถ้าชอบเหลวหน่อยก็กรองด้วยผ้าขาวบางค่ะ

จากนั้น ตั้งไฟอ่อน ใส่เกลือ น้ำตาลตามความชอบ
พอเดือดก็เป็นอันเสร็จ ดื่มได้เลยค่ะ
พักไว้ให้เย็นสนิท ตักใส่่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่มได้ ๑-๒ วันค่ะ เพื่อความสดใหม่ อย่าทำเยอะ

หมายเหตุ..จะเพิ่มเติมโดยการใส่นมจืดก็ได้ค่ะ แล้วต่อชอบ ลองนำสูตรไปปรับดูค่ะ

ขอบคุณข้อสูตรอาหารบ้านมหาดอจคอมเว็บ http://www.baanmaha.com/community/threads/49010-น้ำฟักทอง-สูตรธรรมชาต
เครดิภาพจากอินเตอร์เน็ต